วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.30 - 17.30
STEM / STEAM Education
STEM” คืออะไร (ชลาธิป สมาหิโต: 2557)
STEM เป็นการจัดการศึกษาแบบบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โดยนำลักษณะทางธรรมชาติของแต่ละสาระวิชามาผสมผสานและจัดเป็นการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน และเน้นการนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการผลิตใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและการทำงาน
STEM Education (สะเต็มศึกษา)
STEM เกิดจากอักษรตัวแรกของชื่อวิชา คือ
1. Science
2. Technology
3. Engineering
4. Mathematics
1. Science (วิทยาศาสตร์)
คือการเรียนรู้เรื่องราวของธรรมชาติ เช่น ปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งวิทยาศาสตร์นั้นมีเป้าหมายหลักเพื่อใช้อธิบายกฎเกณฑ์หรือ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามธรรมชาติโดยใช้หลักและระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์
2. Technology (เทคโนโลยี)
หมายถึงวิทยาการที่นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม (ราชบัณฑิตยสถาน: 2557, 580) สิ่งที่เราสร้างหรือพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต ไม่ใช่มีความหมายเพียงแค่คอมพิวเตอร์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์ตามยุคสมัยต่าง ๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือรวมไปถึงเครื่องใช้ทั่วไปอย่าง ยางลบ, มีด, กรรไกร, กบเหลาดินสอ เป็นต้น
3. Engineering (วิศวกรรมศาสตร์)
คือทักษะกระบวนการในการออกแบบ สร้างแบบ รวมไปถึงการวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหา โดยการใช้องค์ความรู้ด้านต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ออกแบบผลงานที่ใช้งานได้จริง กระบวนการในการทำงานของวิศวกรรมศาสตร์นั้น สามารถนำมาบูรณาการกับหลักแนวคิดของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ได้ (ยศวีร์ สายฟ้า: 2557, 1) อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมทำให้เกิดการพัฒนาทางความคิดออกแบบสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
4. Mathematic (คณิตศาสตร์)
คณิตศาสตร์ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของการคำนวณ (ราชบัณฑิตยสถาน:2557, 225) เป็นการเรียนรู้ในเรื่องราวของจำนวน ตัวเลข รูปแบบ ปริมาตร รูปทรงต่างๆ รวมไปถึงแบบรูปและความสัมพันธ์ (พีชคณิต) ฯลฯ ทักษะทางคณิตศาสตร์นี้เป็นทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแขนงวิชา เพราะเป็นศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ มีความแม่นยำเรายังสามารถพบคณิตศาสตร์ได้ในชีวิตประจำวันของเราแทบจะทุกที่ ทุกเวลาอีกด้วย
“STEM” กับการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย
เราจะนำ “STEM” แทรกเข้าไปในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหน่วยที่ครูจัดขึ้น หรือเลือกตามหน่วยที่เด็กสนใจได้อย่างหลากหลาย จะทำให้เด็กสนุกกับการเรียนในห้องมากขึ้น การศึกษาแบบ “STEM” เป็นการศึกษาที่ช่วยทำให้เด็กอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เปลี่ยนการเรียนแบบท่องจำมาเป็นการเรียนรู้แบบลงมือทำ ปฏิบัติจริง ทดลอง สืบค้น และใช้วัสดุอุปกรณ์ ทำให้เด็กได้ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ได้รับความสนุกสนาน และมีความสนใจในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ มากยิ่งขึ้น
และมีการนำ “STEM” มาบูรณาการกับทักษะทางศิลปะ “Art” ก็เพื่อจะทำให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และมีจินตนาการในการออกแบบชิ้นงานนั้น ๆ ให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
****กิจกรรมในชั้นเรียน****
สร้างกรงเลี้ยงผีเสื้อ
อุปกรณ์
1. กิ่งไม้หลากหลายขนาด ดอกไม้และใบไม้
2. ดินน้ำมัน
3. จานกระดาษ
4. กรรไกร/คัตเตอร์
5. สีเทียน
6. ไม้ไอติมแท่งใหญ่
7. กระดาษปรู๊ฟ
8. แอพพลิเคชั่น stop motion
ขั้นตอนการทำ
1. ทำผีเสื้อจากกานกระดาษ
![]() |
ผีเสื้อจากจานกระดาษ |
2. สร้างที่อยู่ผีเสื้อจากกิ่งไม้ ดอกไม้ ใบไม้
3. นำดินน้ำมันมาปั้นเพื่อถ่ายทำวีวีโอ stop motion ในแบบวงจรชีวิตของผีเสื้อ
![]() |
วางแผนเรื่องและการถ่ายทำ |
จัดฉากและปั้นตัวละคร
บรรยากาศในการทำงาน
ความรู้ที่ได้รับ
การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำกิจกรรมหรือความรู้ที่ได้รับในวันนี้ นำไปจัดกิจกรรม
พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และส่งเสริมให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ได้ โดยกิจกรรมที่จัดให้เด็กก็จะต้องคำนึกถึงความยากง่ายที่เด็กจะทำได้ในแต่ละช่วงวัยอีกด้วย
การประเมิน
ตนเอง : ตั้งใจเรียน สนุก และทำกิจกรรม
เพื่อน : สนุกกับการทำกิจกรกรม
อาจารย์ : สอนดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น